[PANTIP] ทริปดูไบ 7-11 สิงหาคม 2556 :: กิน เที่ยว เปรี้ยว ช้อปปิ้ง!! DAY.4 "in Dubai"

วันที่สี่ของการเดินทางตะลุยดินแดนแห่งทะเลทรายของคุณเจ้าของกระทู้ pantip.com ยูเซอร์ "pae_ya" ก็เดินทางมาถึงแล้ว  ซึ่งวันที่สี่ของการเดินทางยังคาบเกี่ยวอยู่ใน EP.3 ของกระทู้ใน pantip.com  ต่อจากวันที่ 3 ของการเดินทาง (9 สิงหาคม) ซึ่งก็ใกล้จะสิ้นสุดการเดินทางของคุณเจ้าของกระทู้แล้ว  ก็แอบใจหายไม่ได้ว่าการเดินทางในมโนของผมกำลังใกล้จะสิ้นสุดลงแล้วหรือนี่

https://pantip.com/topic/30921014


     วันที่ 10 สิงหาคม เนื่องจากว่าเมื่อคืนมันไม่มีอะไรทำอ่ะนะ เลยนั่งเม้ามอยกันจนตี 1 ตี 2 แล้วต้องตื่นมาเพื่อไป Desert Safari ตอน 7.30 น. (ตามที่คนขับรถนัดเอาไว้) เพื่อนเราติดต่อซื้อทัวร์เอาไว้ล่วงหน้าค่ะ ก็จะมีคนขับรถมารับถึงบ้านเลยทีเดียว ง่วงนอนเป็นบ้า = = แต่ก็ต้องตื่น

 
หลังบ้านเรามี Mosque ใหญ่ขนาดนี้ สวยเนอะ  ราวๆ 8 โมง คนขับรถก็มารับเราค่ะ (แต่กว่าจะติดต่อกันได้นี่ ทรมานแท้ แกโทรมาคอนเฟิร์มทัวร์ตอนห้าทุ่ม สุดยอดว่ะ)  คุณคนขับรถชื่อว่า กุสตาฟ เป็นชาวอินเดีย มาทำงานที่นี่ได้ 30 ปีแล้ว


ถ่ายรูปท้ายรถไว้ จะได้ไม่หลง 5555  ใครสนใจทัวร์แนวนี้ ขอให้อ่าน Review จากเราก่อนแล้วค่อยตัดสินใจนะคะ  โปรแกรมที่เราเลือกคือ ไปสิ้นสุดที่ Hatta Rock Pools ค่าใช้จ่ายคนละ 300 ดีแรม  โดยราคานี้สถานที่ที่จะมีแวะดังนี้ค่ะ

     • Red Dunes Safari " Dune Bashing "
     • Sand Boarding
     • Dune Buggy drive (additional cost)
     • Visit to Carpet market & Heritage Village
     • Wadi Bashing
     • Chance to dip & dive in the water pool of Hatta Mountains
     • Lunch in Hatta Fort Hotel - 5 Star

     ในเว็บไซต์นั้น ถ่ายรูปลงมาสวยหรูมากค่ะ ใครไปก็คงชอบนะ แต่ขอให้ดู Review เราก่อนตัดสินใจนะคะ ย้ำอีกครั้ง  ตัว Hatta Rock Pools อยู่ในเขตประเทศโอมานค่ะ ดังนั้นขอให้พกพาสปอร์ตและวีซ่าติดตัวเอาไว้ด้วย เพราะเวลาขับรถจะมีด่าน(เหมือนด่านทางด่วน)คอยตรวจพาสปอร์ตตลอดทางที่เริ่มออกจากเอมิเรตส์ไปค่ะ

     หลังจากขึ้นรถแล้ว คนขับแจ้งกับเราว่า เราต้องขับไปรับสองสามีภรรยาชาวอิตาลีที่ International Village ก่อน  เพื่อนเราให้ข้อมูลว่า ที่นี่เป็นหมู่บ้านชาวต่างชาติที่ใหญ่มาก (แต่ค่อนข้างไกลจากตัวเมือง)  ด้านหน้าจะมีห้างของคนจีนเป็นรูปมังกรตัวใหญ่อยู่ด้วย เป็น Supermarket ที่เหมาะกับชาวเอเชียอย่างเรามากๆ เพราะบางทีก็มีของจากบ้านเราไปขายอยู่ด้วย  ตัวหมู่บ้านนั้น เหมือนเขาวงกตตามสไตล์ถนนที่นี่ คือวนไปเวียนมาเป็นวงกลม เราบอกเลยว่าเราจำไม่ได้ว่าต้องไปทางไหนบ้าง - -"  สิ่งที่โดดเด่นของ International Village คือ แกจะทำเป็นตึกคล้ายอพาร์ตเมนต์ แต่มีการตกแต่งตึกตามเอกลักษณ์ของแต่ละประเทศ โดยจะมีชื่อประเทศและเลขตึกกำกับไว้ด้วยค่ะ


อันนี้แบบ Persia



แบบ England ค่ะ  กว่าคนขับรถเราจะหาตึกอิตาลีเจอ ทำเอาเสียเวลาไปเยอะทีเดียว เพราะสองสามีภรรยาให้ข้อมูลมาน้อยเหลือเกิน  เมื่อได้พบกัน เราจึงรีบออกเดินทางค่ะ มีการทักทายในรถกันนิดหน่อย ได้ความว่า สองสามีภรรยาชาวอิตาลีนั้น เพิ่งย้ายมาอยู่ที่ดูไบได้ 1 ปี (เข้าใจว่ามาทำงานนะ) เลยอยากพาภรรยาเที่ยว  เราก็นะ มา 4 คน 2 คู่ ต่างคนต่างคุยภาษาของตัวเองค่ะ 55555  เราคุยภาษาไทย สองคนนั้นคุยอิตาลี สนุกไปเบย ตามที่เห็นไปด้านบน เรามีโปรแกรมแวะนั่นนี่เหมือนจะเยอะนะ แต่เอาเข้าจริง เราบอกปัดได้ค่ะ  คุณกุสตาฟถามเราตลอดทาง 

     "แวะเล่น buggy car มั้ย" (ไม่)
     "แวะเล่น sand board มั้ย" (ไม่)
     "แวะตลาดขายพรมมั้ย" (ไม่)

(ตกลงพวกแกมาทำอะไรกันวะ - นั่นสิ เพิ่งรู้เหมือนกันว่ามันมีแวะได้เยอะเลย แต่เราไม่ชอบกันอ่ะ) เราตื่นเต้นเวลาเห็นอูฐมากนะคะ 5555 ไม่ค่อยเจอในตัวเมืองดูไบ มาเจอนอกเมืองตามข้างทางแทน Stop แรกของเราคือการมานั่งรถ Desert Safari ค่ะ


จะเป็นร้านติดๆ กัน ข้างหลังเป็นทะเลทรายล้วนๆ


รถที่เรานั่งมาค่ะ ไม่ต้องกลัวหลงขึ้นผิดคันแน่นอน


     ร้านที่เราแวะลงเข้าห้องน้ำ ดื่มน้ำกัน  ตอนแรกเราไม่เข้าใจว่าทำไมต้องแวะร้านนี้ พอมองไปที่หน้าร้านเลยเข้าใจค่ะ  แปะตัวเล็กๆ ไว้ว่า Oasis Palm Tourism คือเป็นร้านในเครือบริษัทแกน่ะเอง  รถเราก็จะเติมลมยาง ช้อปปิ้ง เอาน้ำขึ้นรถได้ตลอดเวลาค่ะ  (เรามารู้เอาตอนหลังว่า จริงๆ น้ำที่นี่เรากินได้ฟรีนะ รวมในค่าทัวร์แล้ว...)  ในรถเอง คุณกุสตาฟก็เตรียมเอาไว้ให้เต็มที่ค่ะ ทั้งน้ำเปล่าเย็นๆ แล้วก็น้ำส้มแบบมีเกล็ด ดื่มได้ฟรีตลอดทาง เราก็ดื่มกันเป็นอูฐทีเดียว เพราะอากาศร้อนแบบนี้ถ้าไม่ดื่มน้ำเยอะๆ มีโอกาสเป็นลมและเป็น Heat Stroke ได้ค่ะ

     เพื่อนเสริมมาอีกว่า นางเคยเป็นไข้ทะเลทราย คือไปทัวร์ทะเลทรายแบบนี้แหล่ะ พอกลับบ้านไป ไข้ขึ้น หน้าแดงแต่ไม่มีเหงื่อออก (เหมือนร่างกายอยากจะขับความร้อนทางเหงื่อแต่ในตัวไม่มีน้ำเลยแสดงอาการอย่างที่เห็น) ทางแก้ที่นางบอกคือ ให้ดื่มน้ำเกลือแร่ค่ะ ยี่ห้อไหนก็ได้เพื่อเป็นการชดเชยน้ำในร่างกาย (ผิดถูกอย่างไรขออภัย อันนี้ข้อมูลจากเพื่อนค่ะ)

เตรียมตัวเรียบร้อย...
เราก็ไปลุยทะเลทรายกันจ้า...
เตรียมตัวอย่างไร?

     1. หมวก แว่นกันแดด เสื้อแขนยาว ใส่ไปค่ะ ผิวไหม้ได้ง่ายๆ
     2. ครีมกันแดดแรงๆ จัดไป
     3. รองเท้าผ้าใบ (ไม่มีก็ช่างมัน ถ้าคุณไม่อยากลุยเยอะ)

     คนขับรถจะพาเรานั่งรถไต่เนินทรายค่ะ เป็นที่สนุกสนานของเรามากเพราะเราไม่เมารถกันเลย (ใครรู้ตัวว่าเมารถ เกลียดเครื่องเล่นแรงๆ อาจจะแย่ได้ค่ะ)  อันนี้เป็นคลิปที่เราถ่ายเอาไว้เองด้วย iPhone4 ซึ่งอาจจะดูแล้วงงๆ เหมือนกล้องเอียงๆ  จริงๆ ไต่เนินทรายกันตลอดเวลา ในกล้องจะดูไม่ค่อยออกค่ะ

แอบใส่เพลงลงคลิปค่ะ เพราะเม้ามอยกันตลอดทาง เดี๋ยวดูไปรำคาญไป ><


ไต่มาได้สักพัก คนขับจะจอดให้เราถ่ายรูปเล่นกันค่ะ  ขอบอกว่า ทะเลทรายที่นี่เป็นที่นิยมในการตั้งแคมป์ไฟกันมาก  เพื่อนอิฉันบอกว่า ยิ่งช่วงหน้าหนาวนะ จะเป็นอะไรที่ฮอตฮิตมาก เหมือนหนุ่มๆ เค้าได้ผจญภัยกันค่ะ  โดยผู้ชายจะเตรียมทุกอย่าง อาหาร เครื่องดื่ม เต้นท์ เครื่องดนตรี จัดมาให้เต็ม แล้วก็ไปนั่งเล่นกัน  แต่ซากขยะอารยธรรมทั้งหลาย แกไม่เก็บไปด้วย มันเลยกลายเป็นเรื่องน่าเสียดายไปค่ะ ทะเลทรายสกปรกจัง - -


คุณพี่กุสตาฟถ่ายให้เรา  (แหม อายรองเท้าแตะเสียนี่กระไร 5555)


     จากนั้น คนขับรถก็ต้อนเราขึ้นรถ แล้วก็ไปลุยกันอีกรอบ  การนั่งรถ Desert Safari เป็นเรื่องที่สนุกมากกกกกกกกกกกก และเราเสียดายแทนคนที่เมารถจริงๆ  (เมารถมานั่งแบบนี้คงไม่มีความสุขนะ)

     จบทริป ไปแวะร้านค้าเหมือนเดิม ก่อนจะออกเดินทางไปที่ Hatta ค่ะ  ตัวเราน่ะ เข้าใจว่า พาเข้าเขตโอมานแล้ว วิวทิวทัศน์ก็เริ่มจะเปลี่ยนไปค่ะ  ระหว่างทางนั้น คนขับจะคอยบอกว่า ตรงไหนที่ถ่ายรูปไม่ได้  ถ่ายไม่ได้คือ ต้องเก็บกล้องไปเลยนะคะ ไม่ใช่แค่ปิดกล้องหรือลดมือลงเฉยๆ ต้องเก็บเข้ากระเป๋าไปเลย  ซึ่งเราไม่แน่ใจว่าเพราะอะไรกันแน่ (แต่ช่วงที่ไม่ให้ถ่าย ก็ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษอยู่แล้วนะ)

     พอพ้นเขตที่ว่าก็จะถ่ายรูปได้ตามปกติค่ะ โดยเขต Hatta นั้นจะมีแต่ภูเขาหิน  เราค่อนข้างมั่นใจว่า ที่ไหนมีภูเขาหิน ที่นั่นมีเหมืองแร่แน่นอน  ทริปนี้เรามา Hatta เพื่อมาดู Rock Pool ที่นี่เนาะ  นั่งรถเข้ามาสักพักใหญ่ๆ แบบไต่เขา ลงไหล่ทางกันเลยทีเดียว  รถก็มาจอดที่ที่นึงค่ะ


เค้ามามุงอะไรกันน่ะ?? ชาว ป.ก.ทั้งหลาย (ปากีสถาน)


ที่นี่คือ Hatta Rock Pools  ค่ะ  ทำไมมันมีแค่นี้ล่ะ - -"


น้ำก็เขียวน่าแหวกว่ายอยู่หรอกนะ แต่ขอผ่านละกัน - -"  หินชันมาก ต้องปีนลงไป ถึงจะว่ายได้ค่ะ  ชาว ป.ก. harmๆ เหล่านี้ แกถอดเสื้อเหลือแต่เสื้อบางๆ กับกุงเกงบางๆ เท่านั้น แล้วโดดตู้มเลย


มันมีแค่นี้จริงๆ ค่ะ คุณผู้ชม - -"


     เดินเลยอีกนิด ก็เจอพ่อลูกคู่นี้เล่นน้ำกันอยู่ เฮ้อ... สรุปว่า เราค่อนข้างผิดหวังกับที่นี่ค่ะ แต่เราไม่ได้พูดอะไรกับคนขับนะ  แต่เป็นคุณพี่ผู้ชายชาวอิตาลีต่างหากที่ complain จนคนขับหน้าเจื่อนเลย  แกว่า "ยูลงโฆษณาโกหกเหรอ ทำไมมีน้ำแค่นี้ แถมมีแต่คนกระโดดน้ำลงไปอีก สกปรกมาก (ขยะเกลื่อนทั้งบนบกและในน้ำ) ไหนจะสีสเปรย์ที่พ่นบนหินอีก (มีแจกเบอร์ด้วย) น่าผิดหวังจริงๆ"

     คนขับแกก็พยายามแก้ไขสถานการณ์นะคะ แกว่า "ช่วงนี้มัน EID น่ะคุณ คนก็เลยเยอะ"  ประเด็นคือ เรามาช่วงหน้าร้อนค่ะ น้ำเลยน้อย (มั้ง) เราก็ไม่รู้นะว่าหน้าน้ำเยอะมันช่วงไหนของปี แต่ที่แน่ๆ คือ มาแล้วไม่เวิร์คค่ะ  เรากลับขึ้นรถกัน ไม่อยากอยู่นานนัก อิผู้ชายชาว ป.ก.ก็หน้าไม่อายเสียด้วย - -"  คนขับระหว่างอยู่บนรถ ชิงโทรไปบอกที่บริษัทก่อนเรื่องลูกค้า complain เมื่อสักครู่  (แกโทรไปบ่นเป็นภาษาอารบิค เพื่อนเราพอฟังออก)  เพื่อนเราก็คอยแปลให้ฟังว่าแกบ่นอะไรไปบ้าง (ลงโฆษณาโกหก สกปรก น้ำน้อย คนเยอะ ฯลฯ)  ขับรถมาสักพัก แกก็เอาเรามาปล่อยที่นี่ค่ะ


เป็นพิพิธภัณฑ์หมู่บ้านโบราณค่ะ  เข้าฟรี...แต่ต้องทนรับสภาพก่อนนิดนึงคือ ไม่ค่อยมีการดูแลรักษาสถานที่ค่ะ  ของที่ไม่ใช้ก็กองทิ้งไว้พะเนินเทินทึก (ไม่แอบด้วยนะ กองให้เห็นเลย)  (แต่ยามที่นี่หล่อมาก อิฉันส่องมาแล้วค่ะ 55555 จำไม่ได้ว่ามาจากประเทศไหน เพื่อนบอกมา)


ป้อมด้านบนเป็นป้อมทหารเก่านะคะ สามารถขึ้นไปดูได้ (แต่เราไม่ไป ร้อน)



ห้องรับแขกค่ะ แถมที่นี่ติดแอร์ด้วย แอร์ฉ่ำมากกกกกก  (เป็นตัวอย่างเฉยๆ เข้าไปนั่งไม่ได้นะ มีคอกกั้นไว้อีกทีค่ะ)


     ที่นี่จำลองสภาพบ้านเรือน การใช้ชีวิตของคนท้องถิ่นเอาไว้ค่ะ  ด้วยความที่ว่า มีหุ่นขี้ผึ้งนี่แหล่ะ แกถึงต้องเปิดแอร์ให้เย็นฉ่ำปอดตลอดเวลา แถมยังใช้ระบบเซนเซอร์เปิดปิดไฟด้วย (เปิดบ้านเข้าไป ไฟถึงติด)  บางบ้านมีวิดีโอ มีอะไรให้เรียนรู้ด้วยนะ แต่พังหมด - -"  ขอบอกเลยว่า ถ้าคุณเดินเข้าไปแล้ว ไปเจออิตาลุงนั่งกันอยู่ 3-4 คน คุณต้องตกใจแทบกรี๊ดแน่ๆ  เพราะมีอิแบบนี้แทบทุกบ้านจริงๆ บางบ้านนั่งกันเป็นสิบเลย แล้วเหมือนคนจริงๆ อ่ะ  (ถ้ามีใครสักคนเล่นแผลงๆ ไปนั่งเนียนๆ กับหุ่นแล้วลุกขึ้นมาหลอกเนี่ย มีกรี๊ดกันลั่นแน่นอน)  เราเปิดทีก็สะดุ้งตกใจกันทีนึง หลอนเหลือเกิน - -  ที่นี่มีห้องน้ำด้วยนะคะ แต่ไม่มีป้ายบอกว่าอยู่ที่ไหน ต้องเดินหาเอาค่ะ ถ้าจำไม่ผิดจะเป็นบ้านที่เขียนว่า Social life นะ จะมีห้องน้ำแอบๆ อยู่ ใช้ได้จริงค่ะ ไม่ใช่ของจำลอง 5555

     ฝรั่งหลายคนที่มาที่นี่เหมือนเรา (คือโดนทัวร์พามาปล่อย) เดินแล้วงงๆ ค่ะ  เหมือนโดนหลอกให้มาเที่ยว ทั้งๆ ที่สภาพหมู่บ้านมันโทรมมาก บางหลังไม่มีการดูแลเลย  ไฟไม่ติด (แต่แอร์ติดทุกหลัง) วิดีโอเปิดไม่ได้ ไฟเสีย ฯลฯ  เราชิงเดินออกไปนั่งใต้ต้นไม้ตรงข้ามหมู่บ้านเลยค่ะ แล้วโทรเรียกคนขับรถให้มาหา (แกอยู่ไหนเราไม่เห็นจริงๆ นึกว่าโดน complain แล้วแกล้งทิ้งเราไว้ที่นี่ซะอีก)  เราก็มานั่งเม้ามอยกันรอคนขับ ระหว่างนั้นก็มี อ.ด. ขับรถหรูมาจอดฝั่งตรงข้ามค่ะ  อ.ด.รวยกว่าที่คิดนะ ขับรถแพงๆ ทั้งนั้น เหมือนที่เราเห็นในหนังอินเดียอ่ะค่ะ  เพื่อนบอกว่า อิพวกนี้ไม่เคยเห็นผู้หญิง พอเห็นเรานั่ง มันเลยจอดมองกัน (อะไรฟะ)  เนื่องจากสองสามีภรรยาชาวอิตาลียังไม่ออกมาจากหมู่บ้าน เราเลยคุยกันว่า เราอยากหาอะไรเย็นๆ ดื่มๆ คนขับเลยให้เราขึ้นรถ จะพาไปหาอะไรดื่มจริงๆ

     ปรากฏว่า สองคนนั้นโทรมาพอดี เลยได้ดื่มน้ำส้มกระป๋องบนรถแกไปแทน -3-  หลังจากนั้น เราจะไปทานมื้อเที่ยงกันที่ Hatta Fort Hotel โรงแรมระดับ 5 ดาวใน Hatta ค่ะ  ซึ่งก็สวยจริงๆ อ่ะแหล่ะ เหมือนรีสอร์ทบ้านเราเลย  ค่าอาหารรวมในค่าทัวร์แล้ว แต่ค่าน้ำเราต้องจ่ายเองค่ะ

วิวจากห้องอาหาร ติดกับสระว่ายน้ำเลย  อาหารมี 2 รายการค่ะ คือ fish 'n chips และ อกไก่อบสมุนไพร  เราสั่งกันคนละอย่างค่ะ แล้วก็สั่งน้ำเปล่าขวดใหญ่มา 1 ขวด


ซุปอะไรสักอย่าง ใส่ลูกเดือย จืดๆ หน่อย ต้องโรยเกลือ  มีขนมปังให้เราทานด้วยค่ะ แต่เราฝืดคออ่ะ


     เริ่มเอียนเฟรนช์ฟราย จะอะไรกับฉันหนักหนา ถึงไม่สั่งแกก็เอามาเสิร์ฟ T T  ข้างบนเป็นอกไก่อบกับสมุนไพร สำหรับเรา เราว่าไม่อร่อยอ่ะ มันแห้งไป  เพื่อนบอกคนที่นี่ชอบกินอกไก่ เค้าว่าเป็นส่วนที่อร่อยที่สุด แต่เราว่ามันไม่อร่อยอ่ะ ฝืดมาก  ก่อนกินไก่ บีบเลมอนด้วยนะคะ = =

     ระหว่างนี้ สองสามีภรรยาแกอุตส่าห์เตรียมชุดว่ายน้ำมาค่ะ แกเลยคุยกะคนขับรถขอเล่นน้ำก่อนได้มั้ย  มีค่าใช้จ่าย แต่แกก็นะ เสี้ยนอยากเล่นน้ำอ่ะ (ผิดหวังจาก Hatta Rock Pools) เลยมาเล่นที่นี่แทนแล้วค่อยทานมื้อเที่ยงกัน  เราทานอะไรกันเรียบร้อย (ด้วยความฝืดคอ) ก็ออกมาเดินเล่นถ่ายรูปกัน



หน้าทางเข้าโรงแรมมีซุ้มให้เราเข้าไปถ่ายรูปกันได้ค่ะ แนวอาหรับๆ หน่อย  (ข้างๆ มีบารากุอันใหญ่มากกกกกกกกกกกกกก ด้วย) ในรูปคือนั่งไม่ถูกค่ะ เก้าอี้แบบนี้เค้านั่งกันยังไงเนี่ย  ด้านนอกกันบ้าง วงเวียนที่จอดรถ





ห้องอาหารที่เราขึ้นไปทานกันค่ะ  แล้วก็กลับดูไบกันค่ะ เราก็เหนื่อยจนหลับอ่ะค่ะ เพลียแดดแถมนอนน้อย งีบไปสักพักนั่นแหล่ะ  เจอด่านก็ตื่นให้เค้าดูหน้า แล้วก็นอนต่อ มารู้ตัวอีกทีก็ถึง International Village แล้วค่ะ  กลับมาถึงบ้าน รีบหาน้ำเกลือแร่ดื่มกันแล้วก็แยกย้ายกันพักผ่อน  เราถึงบ้านก็บ่ายสองกว่า เกือบบ่ายสามแล้ว เพื่อนหนีไปนอน แต่เรานั่งเล่นเน็ต  แล้วก็ไปอาบน้ำ เก็บของแพ็คกระเป๋าค่ะ เตรียมตัวกลับบ้านคืนนี้ ไฟลทวันที่ 11 สิงหาคม เครื่องออกตอนตี 3 กว่าๆ (ดึกไปไหน)

ทิ้งทวนก่อนกลับบ้าน สั่งอาหารไทยมากิน 5555555555 ร้าน Go Thai คนรับออเดอร์เป็นสับปะรด (ฟิลิปปินส์) ตอนนางมาอยู่ที่ร้านใหม่ๆ นางไม่เข้าใจค่ะว่า "แซ่บๆ" คืออะไร  มีคนไทยสั่งส้มตำแล้วบอกว่า "แซ่บๆ" มันหาคำแทนไม่ได้ จะบอกว่า hot & spicy ก็ไม่ตรงนัก  เชฟ (เป็นแอร์เก่าแล้วมาเปิดร้านอาหารเป็นแม่ครัว) เลยทำให้ชิมระหว่างจานที่ธรรมดากับแบบ "แซ่บๆ" มันเป็นยังไง  หลังจากนั้น นางเลยเข้าใจคำว่า "แซ่บ" ค่ะ  ใครโทรสั่งอาหารร้านนี้ ถ้าจะสั่งส้มตำบอกไปเลยว่า "แซ่บๆ" จ้าาาาา  ข้าวคนละกล่อง ส้มตำอีก 1 จาน เลี้ยงเจ้าบ้าน ยิ้ม

พอใกล้สี่ทุ่ม ผู้ชายของเพื่อนก็มารับค่ะ นางเตือนไว้ก่อนเลยว่าผช.ไม่ค่อย friendly นะ จะเงียบมากต้องทำใจ  นางบอกก่อนว่า ผช.จะไม่คุยกับผญ.อื่นที่ไม่ใช่แฟนของตัวเอง แต่รายนี้เป็นคนที่พูดน้อยอยู่แล้ว เลยยิ่งเงียบไปกันใหญ่ (แต่ใจดี แอบช่วยคนอื่นประจำ)  มารู้ตอนกำลังจะเดินทางว่า พี่ชายของแฟนเพื่อนก็จะบินไปกรุงเทพไฟลทเดียวกันกับเราด้วย 5555  แต่ก็ไม่ได้เจอกันหรอกนะคะ เพราะแฟนเพื่อนขับ Honda Jazz มา คันเล็กมาก นั่งไม่หมดแน่นอน เลยต่างคนต่างไปคนละคัน (คือพี่ชายเดินทางไปสนามบินเอง)  เราก็แบบว่า นั่งเงียบตลอดทาง คุยกับเพื่อนบ้างบางที พอถึงสนามบินก็ต้องรีบลง รีบไป จากกันที่ตรงนั้นเลยค่ะ ><

ส่วนเราก็เดินโต๋เต๋ในสนามบินดูไบ Terminal 3  มันกว้าง มันใหญ่ มันกว้างเกินไป (สงสัยสร้างเผื่ออนาคต) เราค่อนข้างงงกับระบบของ EK และของสนามบินค่ะ คือเรา check-in ทางมือถือไปแล้ว แต่เราไม่รู้จะไปโหลดกระเป๋าที่ไหน เดินวนอยู่นานมาก พนักงานให้ถามก็ไม่มี - -"  สรุปต้องไปเข้าคิวปกติที่เค้า check-in กัน คิวยาวพอสมควร เกือบๆ ชม.ได้ค่ะ  หลังจากนั้นก็เข้าด่าน ตม.เข้าไป ได้ความว่าต้องไปที่ Concourse C (ในนั้นมี A B C และกำลังจะมี D)  อิฉันก็ต้องลากรถเข็นเดินไปยาวๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ไกลมากกกกกกกกกกกกกกกกก  เรามาหยุดหาอะไรกินที่ Concourse B ค่ะ เพราะเข้าใจว่าตัวเองปวดท้องโรคกระเพาะนะ (จริงๆ คือเสาะท้อง กินแต่ของเผ็ด - -)


ร้าน Cosi อยู่ข้างๆ burger King (ถามว่าทำไมไม่กินเบอร์เกอร์คิง คือกะเลี่ยนเฟรนช์ฟรายไง)  กะว่าจะหาซุปแบบฝรั่งทานให้อุ่นท้องจะได้กินยา (ซื้อจากร้าน Boots ในสนามบิน) คือซุปมันคืออะไรไม่รู้แหล่ะ ได้ยินว่า pumpkin เลยเอาอันนี้แหล่ะ  ซุปมันเปรี้ยวมากกกกกกกกกก ทานกับขนมปังข้างๆ ค่ะ จิ้มแล้วกิน เราฉีกลงซุปแล้วกินเลย ขนมปังมันลดความเปรี้ยวได้นิดนึง  (ตอนหลังแอบมองสาวฟิลิปปินส์ข้างๆ สั่งเหมือนกัน นางเอาขนมปังจิ้มกินกับซุป แปลว่าเรากินถูกวิธี 5555)  เพลียชีวิตได้อีก รู้งี้สั่งสลัดมาก็ดีหรอก (แต่ก็ไม่รู้จะเจออะไรบ้างนะ ชื่อไม่คุ้นสักชื่อ)  ทานได้เรียบร้อย เราก็รีบเดินจ้ำๆๆๆ ไปที่ Concourse C ทันที (แหม มันเหนื่อย)


สวนในสนามบิน Concourse B  ท่อดำๆ นั่น เพื่อนอิฉันบอกว่า มันมาจากน้ำทิ้งในห้องน้ำค่ะ (รวมถึงส้วมด้วย) แล้วเอามารดน้ำต้นไม้ทั่วเมือง  เดินมาจนเกือบถึง C ละ



บอกตรงๆ ว่าเจอป้าย C แล้วเราดีใจค่ะ 55555  เพราะเราต้องเดินไปที่เกท C16 เดินเหนื่อยจริงๆ แกจะกว้างอะไรขนาดนี้ฟะ...  ตอนนั้นไม่มีกระจิตกระใจจะทำอะไรละ ต้องเดินไปให้ถึงเกทให้ได้ แล้วหาที่ฝังตัวด่วน ก่อนที่จะต้องนั่งพื้น...  (แหม ไปถึงก่อนเที่ยงคืนด้วย จะกลัวอะไร)


     ดิวตี้ฟรีที่นี่ค่ะ เกทอยู่ข้างบน ดิวตี้ฟรีข้างล่าง ลงบันไดเลื่อนไปได้เลย สบายๆ  เพื่อนบอกว่าในสนามบินมีลดราคาของ 20% ด้วยให้รีบซื้อ แต่เราชะล่าใจค่ะ ถ้าของมันลดราคา มันก็ต้องลดราคาสิฟะ... แล้วก็หลับนกไป ตื่นอีกทีหลังเที่ยงคืนละ  ไม่มีอะไรทำเลยเดินเล่น ปรากฏว่าของถูกอ่ะ บุหรี่ก็ราคาถูก ขนมก็ถูก ลิปสติก Tom Ford ที่นี่ยังถูกเลย - -"  แต่ความง่าวของอิฉัน พบว่าป้ายลด 20% มันหายไปแล้ว... ทำไมล่ะทำไม  สตาฟของ Tom Ford บอกว่า มันลด 20% แค่ถึงเที่ยงคืนวันที่ 10 เท่านั้นค่ะ  อิฉันเดินลงมาตอนตีหนึ่งแล้ว มันไม่ลดแล้ว ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยย เม่าตกใจ  สำหรับสาวๆ ที่อยากได้ลิปสติกหรือเครื่องสำอาง Tom Ford ลองมาดูที่สนามบินได้ค่ะ (ซื้อในห้างแพงกว่าที่นี่ราวๆ 500 บาทไทย)  ซื้อที่นี่ราคาเป็นเงินไทยราคา 16XX บาท ซึ่งถูกมากค่ะ (ถ้าลด 20% จะขนาดไหน พลาดดดดดดดด)  คือไม่ได้ซื้ออะไรเยอะค่ะ ดูแค่บางอย่างเลยช่างมัน เดี๋ยวเจ็บใจตัวเอง 5555


[PANTIP] ทริปดูไบ 7-11 สิงหาคม 2556 :: กิน เที่ยว เปรี้ยว ช้อปปิ้ง!! DAY.1 "in Dubai"
[PANTIP] ทริปดูไบ 7-11 สิงหาคม 2556 :: กิน เที่ยว เปรี้ยว ช้อปปิ้ง!! DAY.2 "in Dubai"
[PANTIP] ทริปดูไบ 7-11 สิงหาคม 2556 :: กิน เที่ยว เปรี้ยว ช้อปปิ้ง!! DAY.3 "in Dubai"
[PANTIP] ทริปดูไบ 7-11 สิงหาคม 2556 :: กิน เที่ยว เปรี้ยว ช้อปปิ้ง!! DAY.4 "in Dubai"
[PANTIP] ทริปดูไบ 7-11 สิงหาคม 2556 :: กิน เที่ยว เปรี้ยว ช้อปปิ้ง!! DAY.5 "in Dubai"

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

[PANTIP] ทริปดูไบ 7-11 สิงหาคม 2556 :: กิน เที่ยว เปรี้ยว ช้อปปิ้ง!! DAY.2 "in Dubai"

[PANTIP] ทริปดูไบ 7-11 สิงหาคม 2556 :: กิน เที่ยว เปรี้ยว ช้อปปิ้ง!! DAY.1 "in Dubai"